วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

Plankton

 

         แพลงก์ตอน  (Plankton) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก แปลว่า “drifting” หรือ “wanderer” ซึ่งมีความหมายว่า ล่องลอย หรือ ผู้พเนจร    ดังนั้นคำว่าแพลงก์ตอนจึงหมายถึง    สิ่งมีชีวิตที่ล่องลอยอยู่ในมวลน้ำและมีแรงต้านทานกระแสน้ำน้อย   อีกทั้งการที่แพลงก์ตอนมีขนาดเล็กมาก   จึงทำให้เรามีโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งมี   ชีวิตกลุ่มนี้ได้น้อย   อย่างไรก็ตามหากเราลองตักน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ มาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์   ก็จะทำให้เรามองเห็นแพลงก์ตอนตัวใสหลากสีสันได้ชัดเจนขึ้นและจะพบว่า แพลงก์ตอนเป็นสิ่งมีชีวิตอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความหลากหลายทางด้านจำนวนชนิด   ที่สูงมาก  นอกจากนี้จะสังเกตเห็นว่าแพลงก์ตอนที่เราพบจากแหล่งน้ำ   แต่ละแหล่งก็จะมีองค์ประกอบของชนิดและปริมาณแตกต่างกันไป    เช่น องค์ประกอบของชนิดและปริมาณแพลงก์ตอนในน้ำจืดก็จะไม่เหมือนกับในน้ำทะเล    และองค์ประกอบของชนิดแพลงก์ตอนในน้ำที่มีคุณภาพดีก็จะไม่เหมือนกับที่เราพบ     ในน้ำเสีย เป็นต้น     ซึ่งความแตกต่างนี้เกิดขึ้นเนื่องจากแพลงก์ตอนแต่ละชนิด มีความต้องการอาหารและสามารถเติบโตได้ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง
        แพลงก์ตอนแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มคือ    แพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์    ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีส่วนสำคัญในการเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ   ในแหล่งน้ำ  โดยที่แพลงก์ตอนพืชมีบทบาทหลักในการเป็นผู้ผลิตเบื้องต้น     (Primary producer)    ของห่วงโซ่อาหาร และเป็นอาหารของแพลงก์ตอนสัตว์    จากนั้นแพลงก์ตอนสัตว์ก็จะถูกกินด้วยสัตว์น้ำวัยอ่อน    ตามด้วยสัตว์น้ำอื่นๆ ต่อกันไปเรื่อยๆ จนถึงมนุษย์    เมื่อเป็นเช่นนี้ชนิดและปริมาณของสิ่งมีชีวิตทุก ๆ ชนิดในห่วงโซ่อาหารจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ได้     นั่นคือ ชนิดและปริมาณของแพลงก์ตอนพืชจะเป็นตัวกำหนดชนิดและปริมาณของแพลงก์ตอนสัตว์    ต่อเรื่อยไปจนสิ้นสุดห่วงโซ่อาหาร    ดังนั้นปัจจัยสิ่งแวดล้อมทุกด้านจึงมีความสำคัญในการกำหนดชนิดและปริมาณของ    แพลงก์ตอนพืช    ซึ่งมนุษย์เองก็มีอิทธิพลอย่างมากในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงความสมดุลของห่วงโซ่อันนี้ในรูปแบบต่างๆ   ที่เห็นกันอย่างชัดเจนก็คือการทิ้งของเสียลงแหล่งน้ำ ทั้งจากชุมชนหรือจากแหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณสมบัติของน้ำมีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้องค์ประกอบ   ของชนิดและปริมาณแพลงก์ตอนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม   ซึ่งจะส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในห่วงโซ่อาหาร
        ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าในมวลน้ำที่กว้างใหญ่    ยังมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีความสำคัญอาศัยอยู่ด้วย เพื่อจะได้ยั้งคิดสักนิดก่อนที่จะกระทำสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดการสูญเสีย ความสมดุลในระบบนิเวศ   ซึ่งจะส่งผลกระทบกลับมาสู่ตัวเราเองไม่ช้าก็เร็ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น